วิธีซื้อแอร์แบบประหยัดทั้งค่าแอร์และค่าไฟ

[26 OCT 2020]

วิธีซื้อแอร์แบบประหยัดทั้งค่าแอร์และค่าไฟ

วิธีซื้อแอร์แบบประหยัดทั้งค่าแอร์และค่าไฟ

 

          หลายๆ คนสอบถามเข้ามาเรื่องจะซื้อแอร์แบบไหนดี แบบไหนซื้อไปแล้วใช้คุ้มทั้งด้านคุณภาพและประหยัดค่าไฟ ในบทความนี้เราจะมาบอกวิธีเลือกประเภทแอร์และรุ่นแอร์กันค่ะว่าแบบไหนคุ้ม และเหมาะกับสถานที่ของคุณ!

          เครื่องปรับอากาศมีหลายยี่ห้อมากๆ เวลาผู้ซื้อเข้ามาสอบถาม มักจะถามว่าแอร์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี? คำถามนี้กว้างมากจริงๆ ค่ะ แต่ในฐานะผู้ขายทุกยี่ห้อมีข้อดีและข้อเสีย โดยทั่วไปจะเป็นเรื่องราคา และการบริการของบริษัทผู้ผลิตแอร์(เรื่องเคลมสินค้า) ค่ะ หากให้เลือกยี่ห้อ ขอตอบว่าแอร์ทุกยี่ห้อดี สามารถใช้งานได้ดี เนื่องจากผ่านมาตรฐานการผลิตทุกรุ่น (ส่วนที่ไม่ใช่แอร์ประกอบราคาถูก เป็นแอร์ผลิตในโรงงานมาตรฐานนะคะ) แต่ว่าจะตรงตามการของผู้ใช้งานมากแค่ไหนก็ต้องดูกันค่ะ โดยเราจะมาแบ่งข้อย่อยๆ แยกให้ดูว่าควรเลือกซื้อแอร์อย่างไรบ้างให้คุ้มค่าที่ซื้อไปและช่วยประหยัดไฟค่ะ

แอร์ติดผนัง แอร์ผนัง

แอร์ติดผนัง

          1. เลือกประเภทแอร์ให้เหมาะกับห้อง หากห้องของคุณเป็นห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่นที่ไม่ใหญ่มาก จะใช้แอร์ติดผนังซึ่งมีราคาถูกกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย หากห้องของคุณเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีความร้อนสูง เช่น ร้านอาหาร ร้านทำผม การใช้แอร์ผนังอาจไม่เหมาะ เนื่องจากต้องใช้งานหนัก แอร์ควรจะทนทานต่อการใช้งาน จึงควรใช้แอร์ตั้งแขวน แอร์แขวนใต้ฝ้า หรือแอร์ตู้ตั้งพื้น จึงจะเหมาะสมกับการใช้งาน

          คุณสามารถปรับประเภทแอร์ได้ หากต้องการแอร์สี่ทิศทางติดตั้งในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นเพื่อความสวยงาม หรือติดตั้งแอร์เปลือยในร้านอาหาร แต่ค่าใช้จ่ายจะสูงเพิ่มขึ้นตามประเภทแอร์และอุปกรณ์การติดตั้ง เนื่องจากค่าบำรุงรักษาก็จะแตกต่างกันระดับหนึ่ง

บีทียู

          2. เลือกขนาดบีทียูให้เหมาะกับห้อง หลายๆ คนคำนวณบีทียูจากขนาดห้อง เช่น 10 ตารางเมตร x 700 = 7000 บีทียู ใช้ 9000 บีทียู(บีทียูต่ำสุดที่มี) คิดว่าก็พอแล้ว แต่ในความเป็นจริงห้องนั้นเจอแดดเต็มๆ และยังมีความร้อนจากเตาห้องครัวอีก แบบนี้ไม่พอแน่นอน เราไม่สามารถคำนวณเพียงแค่นำค่าตารางเมตรมาคูณ 700 หรือ 800 แล้วใช้บีทียูนี้ได้ทุกห้อง ต้องดูเพิ่มด้วยว่ามีความร้อนอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยหลักในห้องนั้นหรือไม่ เช่น ความร้อนจากแสงแดด ห้องครัว เตาไฟ คอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเครื่องจักร หลายๆ เครื่องก่อให้เกิดความร้อนได้ทั้งหมด ดังนั้นเราควรเผื่อจาก 9000 บีทียู เป็นขั้นต่ำ 12000 หรือ 15000 บีทียู เนื่องจากเป็นห้องครัวที่ร้อนมากๆ

          การเผื่อขนาดบีทียูห้องอาจทำให้ราคาแอร์สูง แต่หากห้องที่ควรจะมีบีทียูแอร์สูงกลับมีต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ถึงจะประหยัดค่าเครื่องได้ แต่อาจไม่ประหยัดค่าไฟ และยังทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป ทำให้ไม่เย็น แล้วยังเสียง่ายเนื่องจากทำงานหนักอีกต่างด้วย หากราคาแอร์เพิ่มไม่แพงเกินไปแนะนำให้เผื่อบีทียูดีกว่าค่ะ ดีกว่าใช้ไปไม่เย็นต้องมาเปลี่ยนใหม่อีก เสียเงินแล้วเงินเสียอีก

แอร์อินเวอร์เตอร์ Inverter

          3. เลือกแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ INVERTER แอร์มี 2 ระบบ คือระบบธรรมดา และ ระบบอินเวอร์เตอร์ ต่างกันตรงที่อินเวอร์เตอร์จะประหยัดไฟดีกว่า ยิ่งเปิดใช้นานก็จะคุ้มค่าไฟ แต่ในฤดูร้อนๆ ในประเทศไทย(จากที่ผู้เขียนใช้งานมา) ระบบอินเวอร์เตอร์จะทำงานได้เย็นช้ากว่าแอร์ธรรมดา หากต้องการแอร์อินเวอร์เตอร์เย็นๆ ก็จะต้องเผื่อบีทียูให้แอร์มีขนาดใหญ่ขึ้นทำงานได้เร็วขึ้น 

ฉลากเบอร์ 5

          สำหรับการใช้งานในห้องที่เปิดแอร์ไม่ถึง 7-8 ชั่วโมง การเลือกใช้แอร์ธรรมดาแต่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็คุ้มแล้ว เพราะฉลากเบอร์ 5 ก็ช่วยประหยัดไฟได้พอสมควรแล้ว และใช้งานไม่เยอะ จึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าระบบอินเวอร์เตอร์เพิ่มก็ได้

การรับประกัน รับประกันคอมเพรสเซอร์

          4. เลือกแอร์ที่มีการรับประกันนาน ปัจจุบันการแข่งขันสูง บริษัทผู้ผลิตแอร์จึงเพิ่มการรับประกันตัวเครื่องและคอมเพรสเซอร์แอร์ให้ยาวนานขึ้น โดยบางยี่ห้อมีการรับประกันสูงถึง 12 ปี ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ซื้อ เพราะในกรณีที่แอร์มีปัญหาจากการผลิตหรือทำงานผิดพลาด ก็ไม่ต้องมาเสียเงินจุกจิกเรื่องซ่อมหรือแอร์มีปัญหา บริษัทผู้ผลิตจะให้เคลมได้ฟรีตามเงื่อนไขของแอร์รุ่นนั้นๆ ซึ่งแอร์ที่มีการรับประกันนานเป็นสิบปีมักจะเป็นแอร์ติดผนัง หากแอร์ประเภทอื่นๆ จะมีการรับประกันน้อยกว่าเช่น 1-5 ปี แล้วแต่รุ่น

ล้างแอร์

           5. แอร์สกปรกต้องล้าง ข้อสุดท้ายเป็นข้อแถมที่แม้จะซื้อมาคุ้มแล้ว ก็ต้องใช้ให้คุ้มโดยต้องหมั่นดูแลรักษา เมื่อแอร์สกปรกก็ต้องเรียกช่างไปล้าง ซึ่งห้องทั่วไป เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน จะล้างทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี หากฝุ่นไม่มาก แต่ถ้าเป็นร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ จะต้องล้างทุกๆ 3 เดือน หรือถี่กว่านั้น แล้วแต่ความสกปรกของแอร์ ซึ่งหากช่างยังไม่ว่างเข้าไปล้าง ผู้ใช้งานสามารถถอดแผ่นกรองมาเคาะๆ ล้างๆ แล้วตากให้แห้ง เป็นขั้นตอนทำความสะอาดเบื้องต้นก่อนได้ การดูแลรักษาสำคัญมาก หากดูแลดีๆ สามารถใช้แอร์ได้นานเป็นสิบๆ ปีเลยค่ะ

           ทั้งหมด 5 ข้อนี้สามารถนำไปใช้ง่ายๆ และคุ้มค่าอีกด้วย ลองนำไปช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อดูนะคะ สามารถอ่านบทความเรื่องอื่นๆ ได้ที่ สาระความรู้เรื่องแอร์

 

บทความเขียน โดย Min_J@networkaircool.com

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาบทความบนเว็บไซต์นี้ ไปวางบนเว็บไซต์อื่น )

         


            

           Networkaircool.com เราจัดจำหน่ายแอร์ทุกประเภท หลากหลายยี่ห้อ พร้อมบริการติดตั้งแอร์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางหากท่านต้องการ เราไม่เพียงแต่ให้บริการเหมือนทั่วๆ ไป แต่เราต้องการให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ถูกใจ ซื่อสัตย์ และประทับใจกลับไป เพื่อให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกในครั้งถัดไป 

           ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.networkaircool.com เราหวังว่าเว็บไซต์จะให้รายละเอียดและราคาแอร์ได้ครบถ้วน และยังให้บทความที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาหาความรู้เรื่องแอร์ 

           สนใจต้องการสั่งซื้อแอร์ โทร.064-9946526 , 095-4896614 หรือ Line @vrv88

บทความน่ารู้เรื่องแอร์